ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

Voice Search Optimization คืออะไร? ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ใหม่ในการทำ SEO

Voice Search Optimization คืออะไร? ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ใหม่ในการทำ SEO
KNmasters

การค้นหาผ่านเสียงหรือ Voice Search กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานของผู้ช่วยดิจิทัลเช่น Siri, Google Assistant, Alexa, และ Cortana ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พูดคำสั่งหรือคำถามผ่านเสียง Voice Search Optimization หรือ การปรับแต่ง SEO สำหรับการค้นหาผ่านเสียง จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO โดยเฉพาะเมื่อการค้นหาผ่านเสียงกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Voice Search Optimization คืออะไร, ทำไมมันถึงสำคัญ และวิธีการปรับเว็บไซต์ของคุณให้รองรับการค้นหาผ่านเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Voice Search Optimization คืออะไร?

Voice Search Optimization หรือ การปรับแต่ง SEO สำหรับการค้นหาผ่านเสียง คือการปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาของเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับการค้นหาผ่านคำสั่งเสียงที่ผู้ใช้พูดกับเครื่องมือค้นหาหรือผู้ช่วยดิจิทัล การปรับแต่งนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถปรากฏในผลการค้นหาจากคำค้นหาที่มาจากการพูด ซึ่งมีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างจากการพิมพ์คำค้นหา

การค้นหาผ่านเสียงจะใช้คำถามหรือคำค้นหาที่มีลักษณะธรรมชาติและพูดได้ง่าย เช่น “ร้านกาแฟที่ดีที่สุดใกล้ฉัน” หรือ “วิธีทำข้าวผัด” ซึ่งแตกต่างจากการพิมพ์คำค้นหาที่อาจจะสั้นและตรงไปตรงมา เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” หรือ “ข้าวผัด” การทำ Voice Search Optimization จึงต้องมีการปรับเนื้อหาและคำค้นหาของเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการพูดของผู้ใช้

ทำไม Voice Search Optimization ถึงสำคัญ?

  1. การใช้ Voice Search กำลังเพิ่มขึ้น:
    • Voice Search กำลังกลายเป็นช่องทางหลักในการค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่าง ๆ เช่น Google Assistant, Siri, Alexa, และ Cortana โดยเฉพาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกในการค้นหาข้อมูลในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ
    • การวิจัยจาก Statista ชี้ให้เห็นว่า 50% ของการค้นหาทั้งหมดในปี 2020 มาจากการค้นหาผ่านเสียง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
  2. การค้นหาผ่านเสียงมีลักษณะเฉพาะ:
    • ผู้ใช้มักจะพูดคำค้นหาด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เช่น “ร้านกาแฟที่ดีที่สุดใกล้ฉัน” หรือ “ร้านอาหารในกรุงเทพที่เปิดตอนดึก” ซึ่งแตกต่างจากการพิมพ์ที่มักจะใช้คำค้นหาสั้น ๆ
    • Voice Search Optimization ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถปรากฏในผลการค้นหาที่มีลักษณะเช่นนี้ได้
  3. Google ให้ความสำคัญกับการค้นหาผ่านเสียง:
    • Google ได้เพิ่มการรองรับการค้นหาผ่านเสียงในระบบการจัดอันดับเว็บไซต์ (Search Algorithm) ซึ่งทำให้เว็บไซต์ที่มีการปรับแต่ง SEO สำหรับการค้นหาผ่านเสียงมีโอกาสที่จะปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น
    • การทำ Voice Search Optimization จึงช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการค้นหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

วิธีการทำ Voice Search Optimization

  1. การใช้คำถามในเนื้อหา:
    • Voice Search มักจะใช้คำถามหรือคำที่เป็นประโยค เช่น “ที่ไหนมีร้านกาแฟที่ดีที่สุดใกล้ฉัน?” หรือ “วิธีทำข้าวผัด” การใส่คำถามในเนื้อหาของเว็บไซต์จะช่วยให้เนื้อหานั้นเหมาะสมกับการค้นหาผ่านเสียง
    • การสร้างบทความที่ตอบคำถามทั่วไปที่ผู้คนมักถาม เช่น “วิธีทำกาแฟสดที่บ้าน” หรือ “วิธีทำข้าวผัดใน 10 นาที” จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในการค้นหาผ่านเสียงได้
  2. **การใช้ Featured Snippets หรือ Position Zero:
    • Featured Snippets หรือ Position Zero คือผลการค้นหาที่แสดงในตำแหน่งพิเศษเหนือผลลัพธ์การค้นหาปกติ โดยมักจะแสดงเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา เช่น คำถามที่ผู้ใช้ถาม
    • การตอบคำถามในรูปแบบที่กระชับและตรงประเด็น และให้ข้อมูลที่สามารถใช้เป็นคำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสขึ้นอยู่ใน Position Zero ซึ่งเหมาะสมกับการค้นหาผ่านเสียง
  3. การใช้คีย์เวิร์ด Long-tail:
    • Voice Search มักจะใช้คำค้นหาที่ยาวและเฉพาะเจาะจง ดังนั้นการใช้ Long-tail Keywords ที่มีลักษณะคล้ายกับคำถาม เช่น “ร้านกาแฟออร์แกนิกที่ดีที่สุดในกรุงเทพ” หรือ “วิธีทำข้าวผัดใส่ไข่” จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเหมาะสมกับการค้นหาผ่านเสียง
    • คีย์เวิร์ด Long-tail มักจะมีการแข่งขันน้อยและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้
  4. การทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว:
    • ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการทำ SEO สำหรับการค้นหาผ่านเสียง เพราะผู้ใช้คาดหวังว่าจะได้รับผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
    • ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
  5. การทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายบนมือถือ:
    • การค้นหาผ่านเสียงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนมือถือ ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณควรมี Responsive Design ที่สามารถใช้งานได้ดีทั้งบนมือถือและแท็บเล็ต
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณรองรับการใช้งานบนมือถืออย่างเต็มประสิทธิภาพ
  6. การใช้ข้อมูลโลเคชั่น (Local SEO):
    • การค้นหาผ่านเสียงมักจะมีความเกี่ยวข้องกับการค้นหาที่มีการกำหนดตำแหน่งที่ตั้ง เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” หรือ “ร้านอาหารในกรุงเทพที่เปิดตอนดึก”
    • การทำ Local SEO โดยการใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสปรากฏในการค้นหาผ่านเสียงได้มากขึ้น

เครื่องมือที่ช่วยในการทำ Voice Search Optimization

  1. Google Keyword Planner:
    • ใช้ในการค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหามากและเหมาะสมกับการค้นหาผ่านเสียง
    • เครื่องมือนี้สามารถช่วยให้คุณหาคำค้นหาที่ใช้ในการพูดและแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับ Voice Search
  2. Answer the Public:
    • เครื่องมือฟรีที่ช่วยในการหาคำถามที่ผู้คนมักถามเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณสนใจ ซึ่งเหมาะสำหรับการทำ Voice Search Optimization
    • คุณสามารถใช้คำถามเหล่านี้ในการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์
  3. Google Search Console:
    • ช่วยในการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google และตรวจสอบคำค้นหาที่มีการใช้เสียงในการค้นหามาก

สรุป

Voice Search Optimization คือการปรับเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาผ่านเสียง ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ที่สำคัญในการทำ SEO โดยการปรับเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้คำค้นหาที่มาจากการพูด เช่น การใช้คำถามหรือ Long-tail Keywords ที่มีลักษณะธรรมชาติ รวมถึงการปรับปรุงความเร็วในการโหลดและการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายบนมือถือ

ด้วยการเติบโตของการค้นหาผ่านเสียง Voice Search Optimization จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถดึงดูดผู้เข้าชมจากการค้นหาผ่านเสียงได้มากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google

ติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง

glowing-neon-circle-portal-with-smoke-wooden-platform (Web H)
ในโลกของการพัฒนาเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชัน, JavaScript คือภาษาการเขียนโปรแกรมที่ขาดไม่ได้ในการสร้างฟ...
KNmasters
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลอีกต่อไป แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้มีส่วนร...
KNmasters
การสักลายไม่เพียงแต่เป็นศิลปะที่สวยงาม แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงตัวตนและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล...
KNmasters
ในยุคที่ผู้คนเข้าชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์หลากหลายขนาด ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ไปจนถึงเดสก์ท็อปห...
KNmasters
Infographic (อินโฟกราฟิก) คือหนึ่งในรูปแบบการนำเสนอข้อมูลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล ...
Informational Keywords-cover
หนึ่งในกลยุทธ์ SEO ที่มีพลังมากที่สุดในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างยั่งยืน คือการใช้ Informationa...