ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

No-Follow Links คืออะไร? ทำความรู้จักกับลิงก์ที่ไม่มีผลต่อ SEO

No-Follow Links คืออะไร? ทำความรู้จักกับลิงก์ที่ไม่มีผลต่อ SEO
KNmasters

ในโลกของการทำ SEO (Search Engine Optimization) การเข้าใจเกี่ยวกับลิงก์ประเภทต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะ No-Follow Links ที่มักมีคำถามเกี่ยวกับบทบาทและผลกระทบของมันในการทำ SEO วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า No-Follow Links คืออะไร, ทำงานอย่างไร, และมีผลต่อการทำ SEO อย่างไรบ้าง

No-Follow Links คือ ลิงก์ที่มีการใส่แท็ก HTML พิเศษ คือ rel="nofollow" ซึ่งบ่งชี้ว่า ไม่ให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine) อย่าง Google หรือ Bing ตามลิงก์นั้นไปและไม่ให้เครดิตหรือผลกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์

ลิงก์ประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบอกให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าไม่ควร “นับ” ลิงก์นั้นในการคำนวณความน่าเชื่อถือ (PageRank) หรือในการจัดอันดับในผลการค้นหา ดังนั้น No-Follow Links จึงไม่มีผลโดยตรงในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ

ตัวอย่างของการใช้ No-Follow Links เช่น:

  • ลิงก์ที่มาจาก คอมเมนต์ในบล็อก (เพื่อลดการสแปม)
  • ลิงก์จากโซเชียลมีเดีย (เช่น Facebook, Twitter)
  • ลิงก์ในโฆษณาแบบชำระเงิน (เพื่อไม่ให้ Google รับรู้ว่ามีการซื้อขายลิงก์)

เมื่อเครื่องมือค้นหาพบลิงก์ที่มีแท็ก rel="nofollow" มันจะไม่ติดตามลิงก์นั้น และจะไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ปลายทาง ตัวอย่างเช่น:

  • ลิงก์ปกติ (Do-Follow Links): เมื่อมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ โดยไม่มีแท็ก nofollow, Google จะตามลิงก์นั้นไปและโอน PageRank หรือเครดิตของเว็บไซต์ต้นทางให้กับเว็บไซต์ปลายทาง
  • ลิงก์ No-Follow: เมื่อมีลิงก์ที่มีแท็ก rel="nofollow", Google จะไม่ติดตามและไม่ให้เครดิตหรือ PageRank ไปยังเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปถึง
  1. ป้องกันการสแปม
    • การใช้ลิงก์ No-Follow ในคอมเมนต์บล็อก หรือฟอรั่มช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการสแปมลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของตน
  2. การคุมการกระจายความน่าเชื่อถือ
    • บางครั้ง เว็บไซต์อาจไม่ต้องการส่ง PageRank หรือเครดิตให้กับเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไป (เช่น เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ)
  3. การใช้ในโฆษณา
    • เมื่อมีการโฆษณาออนไลน์ (เช่น Google Ads หรือการโฆษณาแบบพันธมิตร) ลิงก์ที่เป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาจะถูกตั้งค่าเป็น No-Follow เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตีความว่าเป็นการซื้อขายลิงก์
  1. ไม่มีผลต่อการจัดอันดับใน SERP (Search Engine Results Page)
    • No-Follow Links ไม่มีผลโดยตรงในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เนื่องจากเครื่องมือค้นหาจะไม่ให้เครดิตกับลิงก์นั้น
  2. ช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
    • แม้ว่า No-Follow Links จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ แต่ลิงก์เหล่านี้ยังคงสามารถนำผู้ใช้จากแหล่งที่มามาที่เว็บไซต์ของคุณได้ เช่น จากคอมเมนต์บล็อก หรือโพสต์โซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
  3. ไม่ควรมองข้าม
    • ถึงแม้ No-Follow Links จะไม่ให้เครดิตสำหรับ SEO แต่ก็ยังสามารถเป็นแหล่งของ Referral Traffic และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้ได้
  4. การสร้างความสัมพันธ์ในวงการ
    • การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึง No-Follow Links จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ในวงการและทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการมองเห็นจากกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
  • Do-Follow Links : ลิงก์ที่ไม่มีแท็ก rel="nofollow" จะถูกเครื่องมือค้นหาติดตามและนำไปสู่การส่ง PageRank หรือเครดิตให้กับเว็บไซต์ที่เชื่อมโยง
  • No-Follow Links : ลิงก์ที่มีแท็ก rel="nofollow" จะไม่ถูกเครื่องมือค้นหาติดตามและไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ปลายทาง
  1. การใช้ในโฆษณา เช่น Google Ads หรือการทำ Affiliate Marketing
  2. เมื่อคุณไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ปลายทาง เช่น การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
  3. ในการคุมการสแปมในคอมเมนต์บล็อก หรือ ฟอรั่ม ที่ไม่ต้องการให้ลิงก์นั้นมีผลต่อ SEO

สรุป

No-Follow Links คือ ลิงก์ที่มีการใส่แท็ก rel="nofollow" ซึ่งทำให้เครื่องมือค้นหาหลีกเลี่ยงการติดตามลิงก์เหล่านี้และไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงถึง อย่างไรก็ตาม No-Follow Links ยังมีประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ (Referral Traffic), การป้องกันการสแปม, และการสร้างความสัมพันธ์ในวงการ

การใช้ No-Follow Links เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญในกลยุทธ์ SEO ที่ดี โดยต้องคำนึงถึงการใช้ลิงก์ในสถานการณ์ที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ

ติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง

glowing-neon-circle-portal-with-smoke-wooden-platform (Web H)
ในโลกของการพัฒนาเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชัน, JavaScript คือภาษาการเขียนโปรแกรมที่ขาดไม่ได้ในการสร้างฟ...
KNmasters
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลอีกต่อไป แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้มีส่วนร...
KNmasters
การสักลายไม่เพียงแต่เป็นศิลปะที่สวยงาม แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงตัวตนและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล...
KNmasters
ในยุคที่ผู้คนเข้าชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์หลากหลายขนาด ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ไปจนถึงเดสก์ท็อปห...
KNmasters
Infographic (อินโฟกราฟิก) คือหนึ่งในรูปแบบการนำเสนอข้อมูลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล ...
Informational Keywords-cover
หนึ่งในกลยุทธ์ SEO ที่มีพลังมากที่สุดในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างยั่งยืน คือการใช้ Informationa...